ระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครื่อง Server จะเป็น 3 ระบบปฏิบัติการ
1. Linux สำหรับ Linux Distribution ที่ได้รับความนิยมได้แก่ Debian, Ubuntu, Redhat และ Fedora เป็นต้น Linux เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งมีนักพัฒนาอยู่ทั่วโลกร่วมกันพัฒนาด้วย
2. Windows สำหรับ Windows ที่นิยมใช้เป็น server ได้แก่ Windows Server 2012, Windows Server 2016 และ Windows Server 2019 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการจากไมโครซอฟท์ที่มีความเสถียรและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
3. Unix สำหรับ Unix สำหรับระบบปฏิบัติการนี้เป็นระบบปฏิบัติการณ์ที่เก่าแก่ระบบหนึ่ง ที่ยังใช้งานอยู่จนถึงทุกวันนี้ ได้แก่ BSD
Server ทำหน้าที่อะไร
Server ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ให้บริการต่าง ๆ ในโครงข่ายอินเตอร์เน็ต หรือโครงข่ายที่มีลูกข่าย เมื่อมีผู้ใช้งานมาขอใช้บริการ Server เครื่อง Server จะจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ในเครื่องเพื่อให้บริการในทันที ซึ่งบริการของ Server นั้นมีหลากหลายอย่างด้วยกัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 หน้าที่หลัก ๆดังต่อไปนี้
1. Web server คือโปรแกรมที่มีหน้าที่ให้บริการด้านการจัดการเว็บไซต์ โดยส่วนมากโปรแกรมที่นิยมใช้เป็น Web server
2. Mail server คือโปรแกรมที่มีหน้าที่ให้บริการด้าน E-mail โปรแกรมที่ใช้ในด้าน Mail server
3. DNS server คือโปรแกรมที่มีหน้าที่ให้บริการด้านโดเมนเนมที่จะค่อยเปลี่ยนชื่อเว็บไซต์ที่เราต้องการให้เป็น IP Address
4. Database server คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ให้บริการด้านการจัดการดูแลข้อมูลต่างๆภายในเว็บไซต์
โดยการทำงานของ Server จะทำงานพร้อมกันหลาย ๆอย่างได้ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากความสามารถของเครื่อง Server ส่วนใหญ่จะมีความสามารถที่สูง โดยการทำงานแต่ละอย่างของ Server จะทำงานใน Port ที่ต่างกันไป
Server มีประโยชน์อย่างไร
Server เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการให้บริการที่สูงมาก โดยประโยชน์หลัก ๆของ Server นั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คอยให้บริการกับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เข้ามาขอใช้บริการ
นอกจากที่เครื่อง Server ยังสามารถนำมาใช้ในสำนักงานได้อีกด้วย โดยประโยชน์ในการใช้เครื่อง Server ในสำนักงาน คือ ช่วยให้ประหยัดทรัพยากรต่าง ๆได้ เพราะว่าคอมพิวเตอร์ทุกตัวสามารถใช้งานทรัพยากรนั้น ๆ ได้เช่น เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
Server มีกี่ประเภท
Server สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน โดยแบ่งตามลักษณะการทำงานเป็นหลัก
1. File Server มีหน้าที่ในการจัดเก็บไฟล์เหมือนกับฮาร์ดดิสก์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถที่จะนำไฟล์มาฝากไว้ใน File Server ได้
2. Print Server มีหน้าที่ในการเชื่อมต่อเครื่องปริ้นท์ให้สามารถใช้งานกับคอมพิวเตอร์ลูกข่าย เพื่อเป็นการประหยัดทรัพยากรนั่นเอง ซึ่งส่วนมากจะมีใช้ในองค์กรขนาดใหญ่
3. Database Server มีหน้าที่ในการรันระบบที่เป็นฐานข้อมูล DBMS (Database Management System) ซึ่งเป็นโปรแกรมฐานข้อมูลและตัวจัดการฐานข้อมูล
4. Application Server มีหน้าที่ในการรันโปรแกรมประยุกต์ โดยมีการทำงานที่สอดคล้องกับผู้ใช้งาน
Server เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญมากในระบบอินเตอร์เน็ตและในระบบเครือข่าย ซึ่งความสามารถของ Server นั้นเราสามารถประยุกต์ใช้ได้ตามหน้าที่และลักษณะงานให้เข้ากับ Server ประเภทต่าง ๆเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีที่สุดนั่นเอง
เลือก Server อย่างไรให้เหมาะสม
Server ที่เหมาะกับองค์กรและธุรกิจของคุณควรเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้มีเครื่องเซิร์ฟเวอร์มากมายหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ก่อนการตัดสินใจซื้อควรดูคุณสมบัติของเครื่องเซิร์ฟเวอร์แต่ละรุ่นก่อนว่ามี คุณสมบัติอย่างไร ข้อดี ข้อเสียของเซิร์ฟเวอร์แต่ละ เครื่องเป็นอย่างไร และทำการเปรียบเทียบว่าเซิร์ฟเวอร์รุ่นไหนที่เหมาะกับองค์กรของคุณมากที่สุด แล้วจึงตัดสินใจเลือกซื้อเครื่อง เซิร์ฟเวอร์นั้นๆ เพื่อนำมาใช้งานในองค์กรให้เกิดความเหมาะสมและประสิทธิภาพสูงสุด
การเลือกซื้อ SERVER
– ดูว่าเอามาใช้ทำอะไร จำนวนผู้ใช้งานเท่าไร
– ดูว่ามีงบประมาณเท่าไหร่
– ต้องเลือกตามนโยบายของบริษัทหรือไม่
– ต้องดูด้วยว่ามีการวางแผนงานการปรับแต่ระบบ
– เตรียมเพิ่มเครื่องในอนาคตไว้อย่างไร
– บริการหลังการขายเป็นเช่นไร
– ความเชื่อมั่นในการให้บริการหลังการขาย
– งบประมาณ เพราะทุกอย่างจะเป็นการวางแผนงานให้ทุกอย่างลงตัวที่สุด
– ลำบากผู้ดูแลน้อยที่สุด
– ต้องทำให้เรามั่นใจที่สุดเหมือนกันเมื่อระบบมีปัญหา
การเลือกสเปคเครื่อง Server
-เน้น Server แบบ Brand เช่น HP IBM จะมีตัวอย่างให้เลือกโดยตรงผ่านบริษัทจัดจำหน่ายต่างๆ หรือดูผ่านเว็บไซต์ของบริษัทจัดจำหน่ายต่างๆ ส่วนมากServer Brand ต่างๆ จะจัดสเปคให้แล้วแถมกำหนดราคาอาจจะมีโปรโมชั่นต่างๆ
-mainboard ต้องดูว่า รองรับ Cpu อะไรบ้าง Ram รับได้กี่ slot ละเท่าไร
– ส่วนมากทีนิยม Cpu ของ Intel Xeon รุ่นอะไร ความเร็วเท่าไร กี่ Processor(กี่หัวในการประมวลผล) ส่วมา Cpu จะมี 2 ตัวอยู่แล้ว(ปัจจุปัน) สามารถสลับการทำงานได้
– เน้น Ram ในการประมวลผลต้องเยอะๆไหม ram ecc กับ ram non-ecc ต่างยังไง
– ram ecc Error Checking Code คือแรมที่มีการเช็คข้อมูลให้ถูกต้อง ปกติจะใช้สำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการความเสถียรในการทำงานสูง มีราคาแพงกว่าแรม Non-ECC และเป็น Memory ที่ตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลได้ นิยมใช้งานกับ Workstation หรือ Server
– non-ECC ก็คือ Memory ธรรมดาที่เราใช้งาน
ถ้า มีแรม Non-ECC ผสมเข้าไปกับ Ram ecc การทำงานทั้งหมดจะกลายเป็นแบบ Non-ECC ทันที
– เน้นการรองรับ เรทได้เท่าไร (RAID 0, 1, 10, 5)
– ความจุ HDD เขียน+อ่าน เท่าไร (5400 rpm. Or 7200 rpm.)
– ใช้ power supply ที่เท่าไร เช่น 500w ,750w
– UPS (เครื่องสำรองไฟ) รุ่นอะไร จะใช้ไฟเท่าไร
Line : @buyall (มีเครื่องหมาย@ด้วย)
Email : info@panmakapmue.co.th
โทร : 081-9160211 , 081-9160211
รายชื่อ 77 จังหวัดของประเทศไทย ที่เรารับ ประมูลServer
1. ภาคเหนือ / 9 จังหวัด
1.จังหวัดเชียงราย
2.จังหวัดเชียงใหม่
3.จังหวัดน่าน
4.จังหวัดพะเยา
5.จังหวัดแพร่
6.จังหวัดแม่ฮ่องสอน
7.จังหวัดลำปาง
8.จังหวัดลำพูน
9.จังหวัดอุตรดิตถ์
———————————————————
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ / 20 จังหวัด
1.จังหวัดกาฬสินธุ์
2.จังหวัดขอนแก่น
3.จังหวัดชัยภูมิ
4.จังหวัดนครพนม
5.จังหวัดนครราชสีมา
6.จังหวัดบึงกาฬ
7.จังหวัดบุรีรัมย์
8.จังหวัดมหาสารคาม
9.จังหวัดมุกดาหาร
10.จังหวัดยโสธร
11.จังหวัดร้อยเอ็ด
12.จังหวัดเลย
13.จังหวัดสกลนคร
14.จังหวัดสุรินทร์
15.จังหวัดศรีสะเกษ
16.จังหวัดหนองคาย
17.จังหวัดหนองบัวลำภู
18.จังหวัดอุดรธานี
19.จังหวัดอุบลราชธานี
20.จังหวัดอำนาจเจริญ
———————————————————
3.ภาคกลาง
มี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด)
1.จังหวัดกำแพงเพชร
2.จังหวัดชัยนาท
3.จังหวัดนครนายก
4.จังหวัดนครปฐม
5.จังหวัดนครสวรรค์
6.จังหวัดนนทบุรี
7.จังหวัดปทุมธานี
8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
9.จังหวัดพิจิตร
10.จังหวัดพิษณุโลก
11.จังหวัดเพชรบูรณ์
12.จังหวัดลพบุรี
13.จังหวัดสมุทรปราการ
14.จังหวัดสมุทรสงคราม
15.จังหวัดสมุทรสาคร
16.จังหวัดสิงห์บุรี
17.จังหวัดสุโขทัย
18.จังหวัดสุพรรณบุรี
19.จังหวัดสระบุรี
20.จังหวัดอ่างทอง
21.จังหวัดอุทัยธานี
———————————————————
4. ภาคตะวันออก / 7 จังหวัด
1.จังหวัดจันทบุรี
2.จังหวัดฉะเชิงเทรา
3.จังหวัดชลบุรี
4.จังหวัดตราด
5.จังหวัดปราจีนบุรี
6.จังหวัดระยอง
7.จังหวัดสระแก้ว
———————————————————
5. ภาคตะวันตก / 5 จังหวัด
1.จังหวัดกาญจนบุรี
2.จังหวัดตาก
3.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4.จังหวัดเพชรบุรี
5.จังหวัดราชบุรี
———————————————————
6. ภาคใต้ / 14 จังหวัด
1.จังหวัดกระบี่
2.จังหวัดชุมพร
3.จังหวัดตรัง
4.จังหวัดนครศรีธรรมราช
5.จังหวัดนราธิวาส
6.จังหวัดปัตตานี
7.จังหวัดพังงา
8.จังหวัดพัทลุง
9.จังหวัดภูเก็ต
10.จังหวัดระนอง
11.จังหวัดสตูล
12.จังหวัดสงขลา
13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี
14.จังหวัดยะลา